ถ้าครึ่งแรก ยูไนเต็ด เล่นกันห่วยแตก ก็จะเจอของดี จากท่านเซอร์ อเล็กซ์ แน่นอน
โฆเซ่ มูริณโญ่ อาจจะเป็นผู้จัดการทีมที่ได้ชื่อว่า ปากปีจอ มากที่สุดคนนึงในวงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยการไล่แขวะชาวบ้านไปทั่วต่างๆ นาๆ และชอบพยายามหาเรื่องผู้ตัดสิน ซึ่งตัวอย่างนี้ ได้แก่ กรณีของ อันเดอร์ ฟรีซท์ ที่ตัดสินฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่เจอกับบาร์เซโลน่า เมื่อ 2 ปีก่อน และถูกเขี่ยตกรอบพ่ายไป หรือแม้กระทั่งเล่นสงครามจิตวิทยา กับโรนัลโด้ ของยูไนเต็ด อยู่ตลอดเวลา ว่า เป็นพวกไม่มีการศึกษา แต่ก็นั่นช่างประไร เพราะกุนซือฝอยทองจอมเครียด เป็นได้แค่กุนซือปากปีจอแบบธรรมดา เพราะเจ้าของตำแหน่งกุนซือปากปีจอจริงๆ ต้องยกให้กับ สุดยอดบรมราชครูแห่งสำนักพระราชวัง โอล์ด แทร็ฟฟอร์ด อย่าง ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่นเอง
ตลอดชีวิตการทำงานบนเส้นสายลูกหนังมา 21 ปี ของอัศวินแพนด้าผู้นี้ ปีๆ นึง ป๋าแกจะแจกแกงฟักให้กับผู้สื่อข่าว หรือผู้ตัดสินอย่างน้อย 1,000 คำ ด้วยสาเหตุที่ว่า ด้วยความเป็นเลือดสก็อตเต็มขั้นและเป็นนักสู้มาตลอด ก่อนที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น CBE จนมาเป็นท่านเซอร์ ในปัจจุบันนี้ ป๋าแกผ่านอะไรมาหมดแล้ว จึงได้ผลิตอาวุธชีวภาพขั้นร้ายแรงที่ไม่แพ้ ปากตะไกรของกุนซือผู้ล่วงลับ อย่างไบรอัน คลัฟ นั่นก็คือ แฮร์ไดร์เยอร์ (ไดร์เป่าผม)
อ่านปากของฉันนะ…ว่า.(ตึ๊ง ตึง) อยากจะพูดอีกครั้ง…ว่า (ตึ๊ง ตึง)
ในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ยูไนเต็ด เพิ่งบุกไปชนะทีมเรดดิ้ง ของอดีตศิษย์รักอย่าง สตีฟ คอปเปลล์ คาถิ่น มาเดจสกี้ ไปด้วยสนนประตู 2 ต่อ 0 แบบต้องลุ้นใน 15 นาทีสุดท้าย ซึ่งจะเห็นได้ว่าฤดูกาลนี้ ยูไนเต็ด จะเล่นครึ่งหลังดีกว่าครึ่งแรกอยู่หลายนัดด้วยกัน และสามารถรีดเค้นฟอร์มสุดยอดได้ออกมา ยกตัวอย่างเช่น เกมถล่มนิวคาสเซิ่ล ไปครึ่งโหลนี้ ก็ยิงประตูได้ครึ่งหลังทุกลูก ซึ่งครึ่งแรกมีโอกาสโดนนำ 1 – 0 ไปก่อนด้วย โชคดีที่ ไมเคิ่ล โอเว่น ล้ำหน้าไปเสียก่อน และสาเหตุไม่ใช่มาจากที่ไหน ก็ไดร์เป่าผม (พิฆาตมหาประลัย) นั่นเอง
และถ้าย้อนกลับไปในปี 2001 ก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่เช่นกัน ตอนที่เจอทีม ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ตอนนั้น ยูไนเต็ดตามหลัง อยู่ 3 ประตูในครึ่งแรก และไม่มีใครคาดคิดว่า ครึ่งหลัง ยูไนเต็ดจะโชว์ฟอร์มเกมรุกอย่างสุดยอด (รวมทั้งเป็นนัดที่ดีที่สุดของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ของการใส่เสื้อสีแดง ยูไนเต็ด) ถล่มไป 5 ประตูรวด แบบนี้จึงปักใจเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า อภินิหารไดร์เป่าผมนี้ ส่งผลทำให้ฟอร์มของทีมดีขึ้นในพริบตาเห็น
ด้วยจิตมุ่งมั่นและแฮร์ไดร์เยอร์ ทำให้เซอร์ อเล็กซ์ เป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนนึงในโลกเลยทีเดียว
การคว้าทริปเปิ้ล แชมป์ ในปี 1999 และการกวาดแชมป์พรีเมียร์ ลีก มาทั้งหมด 9 สมัย (อย่างมีสไตล์) รวมไปถึง เอฟเอ คัพ อีก 4 ลีกคัพอีก 1 รวมไปถึง ถ้วยยูโรเปี้ยนอันทรงเกียรติอีก 1 ถ้วย ด้วยนั้น ป๋าแกใช้ใบเบิกทางด้วยสมองที่จัดจานปานว่า โคตรอัจฉริยะกับไดร์เป่าผม ควบคู่กันมาตลอด และสังเกตุได้ว่า ป๋าแกไม่ได้มีดีแค่ ไดร์เป่าผม เพราะป๋าแกบางครั้งก็เล่นสงครามจิตวิทยากับ เควิน คีแกน อดีตกุนซือนิวคาสเซิ่ล ปี 1996 (และกุนซือนิวคาสเซิ่ล ในปัจจุบัน) จนประสาทแดกส์ รวมไปถึง คุณป้า เวงเกอร์ ที่ออกอาการ หอแต๋วแตก ได้ตอนปี 2003 จนทำให้แชมป์กระเด็นหลุดมือของทั้งคู่ จนเข้าสู่รังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด (อย่างมีสไตล์)
แต่บางครั้งโวยวายมากไป ก็ไม่ค่อยส่งผลดีเท่าไหร่ อย่างเช่นในกรณี เดวิด เบ็คแฮม
ใช่ว่า การใช้แฮร์ได้เยอร์ทุกครั้งจะเป็นเรื่องดีเสมอไป เพราะมันส่งผลกระทบทำให้เกิดความสัมพันธ์ร้าวฉานได้ ซึ่งไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล อย่างเช่น กรณี ศึก UFO (จานบิน) ถล่มในห้องแต่งตัว และการเตะสตั๊ดไปโดนหางคิ้วของเทพบุตรสุดหล่อ อย่าง เดวิด เบ็คแฮม ถ้ามองย้อนหลังกลับไปอีก ก็จะมี ‘แคน แคน’ อังเดร แคนเชสกี้’ กับ ‘เดอะ กัฟเนอร์’ พอล อินซ์ รวมอยู่ด้วย หรือแม้กระทั่ง ‘ยิป ยาป’ ยาป สตัม ที่ถูกเฉดหัวหลังเปิดตัวหนังสือชีวประวัติฉาว จนถูกเด้งให้ไปเล่นให้กับ ยอดทีมดังแห่งกรุงโรมในชุดสีฟ้า ลาซิโอ และรายล่าสุด รุด ฟาน นิสเตลรอย ซึ่งเพิ่งโบกไม้โบกมือไปเมื่อช่วงฟุตบอลโลกปี 2006 นี้เอง
แต่พวกเราก็ต้องเข้าใจป๋ากันนิดนึง เพราะเฟอร์กี้ เป็นคนที่มีความเป็นเจ้าระเบียบอยู่พอตัว ไม่อยากให้ใครทำตัวออกนอกลู่นอกทางไปมาก และด้วยความเจ้าระเบียบแบบนี้ ทำให้สโมสรประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ซึ่งพวกเราไม่เถียงอยู่แล้ว และทุกครั้งการตัดสินใจของเฟอร์กี้ ถูกเสมอ ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะขัดใจกับแฟนบอลก็ตาม อาจจะมีผลกระทบกับทีมอยู่ในช่วงแรกๆ แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวและทุกคนปรับตัวกันได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
โรนัลโด้ เป็นลูกรักมากที่สุดของป๋าคนนึง ใครก็ตามที่รังแก โด้ ป๋าจะไดร์เป่าผมใส่แม่(ง) ทุกราย
ด้วยอายุอานามที่ปาเข้าไป 66 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะเกษียณอายุการทำงานของตัวเอง นั่งอยู่บ้าน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน กันซะส่วนใหญ่ แต่ท่าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังสามารถใช้ท่าไม้ตาย ไดร์เป่าผมได้ลือลั่น ทุกสถานการณ์ และแสดงให้เห็นว่า ไดร์เป่าผมเครื่องนี้ สามารถพ่นได้เหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีเสื่อมประสิทธิภาพ อย่างเช่น ในรายของ เจฟฟ์ ชรีฟส์ ผู้สื่อข่าวสำนัก สกาย์ สปอร์ต ที่ดันมาทะลึ่งจี้จุดป๋า ในนัดที่ ชนะ โบโร่ 1 – 0 ในเอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์ ว่า โรนัลโด้ พุ่งล้มตบตากรรมการ ก็เลยโดนอภินิหารไดร์เป่าผมเข้าไป จนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ปีเตอร์ ชรีฟส์ อดีตกุนซือไก่เดือยทอง ยุค 80′ ต้องมีอันหน้าแห้งไป
ลูกๆ เอ๋ย ช่วยกันโห่ร้องฆ้องเป่า ในบ้านดังๆ โหน่ยยย…. ป่าช้าแบบนี้ป๋าไม่เอานะ เด็กๆ
รวมไปถึงการได้ไปนั่งดูลูกทีมเตะบนอัฒจรรย์ ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์+ปีใหม่ เพราะไปด่าผู้ตัดสิน (อีกแล้วครับท่าน) ซึ่งหมายความว่า ป๋าแกยังไม่สิ้นฤทธิ์ แม้อายุการใช้งานจะเยอะแล้วก็ตาม รวมถึงจวกแฟนบอลที่เข้ามาดู และไม่ยอมส่งเสียงเชียร์ว่า จะทำให้โรงละครแห่งความฝัน เป็นป่าช้าหรือยังไง จนมีแฟนบอลมาโวย เรื่องการ์ดคุมเข้ม ไม่ให้ส่งเสียงเชียร์กระโดดโลดเต้น เย้วๆ กับเขาได้
และสุดท้ายนี้ ผมก็ขำจริงๆ เลย เกี่ยวกับเพลง ‘ป๋าแพนด้า’ ที่คนร้องเพลง ‘ผีกาก้า’ ช่วยมาแต่งตอบแทน และสดุดี เฟอร์กี้ หลังจากที่พา ยูไนเต็ดได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 9 ซึ่งตอนท้ายของเพลงนี้ ดันทะลึ่งพูดส่งทิ้งท้ายว่า ‘แชมป์พรีเมียร์ ลีก ให้แค่ปีนี้ปีเดียว ปีหน้าไม่มีแล้วนะ เด็กผี’ ซึ่งถ้าผมเป็นตำรวจนครบาล และมีคนมาแจ้งเหตุจนทำให้ต้องลงบันทึกประจำวัน ผมจะเขียนใส่หมายเหตุไว้ที่สมุดบันทึกประจำวันนี้ว่า…..
‘รู้นะว่าเธอเจ็บ’
ManSmith
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC